นักกฎหมาย AI มาทางนี้ เปรียบเทียบกฎหมาย AI ของประเทศไทยและ EU
Student blog — 04/04/2025

-
AI ทำงานอย่างไร และทำไมต้องมีกฎระเบียบ? 📌
AI (ปัญญาประดิษฐ์) กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ไม่ว่าจะเป็น Chatbots, ระบบแนะนำหนังใน Netflix หรือ AI ที่ช่วยแพทย์วินิจฉัยโรค อย่างไรก็ตาม AI ก็มีความเสี่ยง เช่น ความเป็นธรรม (AI อาจมีอคติ), ความเป็นส่วนตัว (AI อาจเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต) และความปลอดภัย (AI อาจถูกใช้ในทางที่ผิด) ดังนั้น หลายประเทศจึงออก “กฎระเบียบ” เพื่อให้ AI ถูกใช้ในทางที่เหมาะสมและปลอดภัย บทความนี้จะเปรียบเทียบเบื้องต้นกรอบการกำกับดูแล AI ใน 3 กรอบด้วยกัน ได้แก่ Thailand AI Ethics Guideline, NSTDA AI Ethics Guideline และ EU AI Act ✨ -
กรอบการกำกับดูแล 3 กรอบนี้แตกต่างกันอย่างไร? 🧐
-
🇹🇭 Thailand AI Ethics Guideline และ NSTDA AI Ethics Guideline
เป็นแนวทาง สมัครใจ (Voluntary) ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมาย แต่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม - 🇪🇺 EU AI Act เป็น กฎหมายที่มีผลบังคับ หากบริษัทไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกปรับเป็นจำนวนมหาศาล
- 🏛 EU AI Act เน้นการควบคุมตามระดับความเสี่ยง เช่น AI ที่อันตรายมากห้ามใช้ ในขณะที่ของไทยมุ่งเน้นให้ AI มีความโปร่งใสและรับผิดชอบต่อสังคม
-
🇹🇭 Thailand AI Ethics Guideline และ NSTDA AI Ethics Guideline
-
การเปรียบเทียบของทั้ง 3 กรอบ 🏆
หัวข้อ Thailand AI Ethics Guideline NSTDA AI Ethics Guideline EU AI Act ประเภทของกฎ Soft Law (แนวทางสมัครใจ) Soft Law (แนวทางสมัครใจ) Hard Law (กฎหมายบังคับ) เป้าหมายหลัก เน้นจริยธรรมของ AI เน้นมาตรฐานทางเทคนิคของ AI ควบคุม AI ตามระดับความเสี่ยง ความเข้มงวด ต่ำ – เป็นคำแนะนำทั่วไป ปานกลาง – มีมาตรฐานเทคนิคมากขึ้น สูง – มีบทลงโทษทางกฎหมาย แนวคิดหลัก ✅ ให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางและได้ประโยชน์ (Human-Centric)
✅ ความเป็นธรรม
✅ ความปลอดภัย
✅ ความโปร่งใส
✅ ความรับผิดชอบ
✅ ควบคุมอคติของ AI
✅ รับรองความแม่นยำของข้อมูล
✅ เน้นความปลอดภัยและความโปร่งใส
✅ แบ่งระดับความเสี่ยง
✅ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องผ่านการตรวจสอบ
✅ ห้ามใช้ AI ที่เป็นอันตราย
ผลกระทบต่อบริษัท ใช้เป็นแนวทาง ไม่มีบทลงโทษ ใช้เป็นแนวทาง แต่ต้องพัฒนา AI ให้แม่นยำขึ้น ถ้าไม่ทำตาม อาจโดนปรับสูงสุด 35 ล้านยูโร ตัวอย่าง AI ที่ควบคุม AI ในภาครัฐหรือการแพทย์ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง AI ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางชีวภาพหรือการทำนายพฤติกรรมต้องมีความโปร่งใส AI ที่สามารถควบคุมพฤติกรรมมนุษย์หรือใช้กับระบบความปลอดภัยของรัฐ อาจถูก “ห้ามใช้” -
กฎ AI ของไทย → “เป็นแนวทางแนะนำ” เพื่อให้ AI มีจริยธรรม 🇹🇭
Thailand AI Ethics Guideline (2021) ที่จัดทำโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เป็น “แนวทางสมัครใจ” (Voluntary Guidelines)
ที่ช่วยกำหนดหลักการพื้นฐานเพื่อให้การพัฒนาและใช้งาน AI ในประเทศไทยเป็นไปอย่างมีจริยธรรม📌 แนวทางหลักของ Thailand AI Ethics Guideline
- การให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centered AI) – AI ต้องเคารพสิทธิของมนุษย์และต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
- ความเป็นธรรม (Fairness) – AI ต้องไม่ลำเอียงและไม่สร้างความไม่เป็นธรรมทางสังคม
- ความปลอดภัยและความมั่นคง (Safety & Security) – AI ต้องมีมาตรการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- ความโปร่งใสและความสามารถในการอธิบาย (Transparency & Explainability) – AI ต้องสามารถอธิบายการทำงานได้ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
- ความรับผิดชอบและการกำกับดูแล (Accountability) – ผู้พัฒนา AI ต้องสามารถรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดจาก AI
💡 ข้อสังเกต
- เป็นแนวทางที่ “ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย” แต่แนะนำให้ภาครัฐและเอกชนใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา AI
- ใช้หลักการ “Soft Law” ซึ่งช่วยกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของ AI ในไทย
- ยังไม่มีบทลงโทษหากองค์กรไม่ปฏิบัติตาม
-
กฎ AI ของ NSTDA → “เพิ่มความเข้มงวดทางเทคนิค” เพื่อให้ AI แม่นยำขึ้น 🇹🇭
NSTDA AI Ethics Guideline จัดทำโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA)
และเน้นไปที่การเพิ่มมาตรฐานทางเทคนิค ของ AI ให้แม่นยำขึ้นและลดความผิดพลาดของ AI📌 จุดเด่นของ NSTDA AI Ethics Guideline
- ควบคุมอคติของ AI – มีแนวทางป้องกันไม่ให้ AI มีอคติ (Bias) เช่น การเลือกใช้ข้อมูลฝึก AI อย่างเป็นกลาง
- รับรองความแม่นยำของข้อมูล – กำหนดมาตรฐานให้ AI มี Data Governance ที่ดี เช่น การตรวจสอบคุณภาพข้อมูลก่อนนำไปใช้
- ความปลอดภัยและความโปร่งใส – AI ต้องสามารถตรวจสอบและอธิบายได้ว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น
- การพัฒนา AI อย่างรับผิดชอบ – ให้แนวทางเกี่ยวกับความรับผิดชอบของนักพัฒนา AI
💡 ข้อสังเกต
- ยังคงเป็น แนวทางสมัครใจ แต่มีความเข้มงวดกว่า Thailand AI Ethics Guideline
- เน้นไปที่ การพัฒนามาตรฐาน AI ทางเทคนิค มากกว่ากฎระเบียบทางกฎหมาย
- มุ่งเน้นให้นักพัฒนา AI และบริษัทเทคโนโลยีมีมาตรฐานที่ชัดเจน
-
กฎ AI ของ EU → “เป็นกฎหมายบังคับ” ใครไม่ทำตาม อาจโดนปรับหนัก 🇪🇺
EU AI Act เป็น “กฎหมายบังคับ” (Hard Law) ซึ่งมีผลทางกฎหมายโดยตรงและจะบังคับใช้จริงในปี 2026 โดยสหภาพยุโรป (EU) ใช้ “แนวทางความเสี่ยง” (Risk-Based Approach) แบ่งระดับของ AI ออกเป็น 3 ระดับหลัก
⚖️ ระดับความเสี่ยงของ AI ตาม EU AI Act
-
AI ที่ถูกห้ามใช้ (Prohibited AI) 🚫
- AI ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น AI ที่ควบคุมพฤติกรรมมนุษย์ หรือ AI ที่ใช้ในการเฝ้าระวังโดยละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
- ตัวอย่างเช่น AI ที่ใช้โน้มน้าวพฤติกรรมคนโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือ ระบบ Social Scoring เหมือนที่ใช้ในจีน
-
AI ความเสี่ยงสูง (High-Risk AI) ⚠️
- AI ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยและสิทธิมนุษยชน เช่น AI ที่ใช้ในการแพทย์, การจ้างงาน, กระบวนการยุติธรรม
- ต้องมี การตรวจสอบ (Audit) อย่างเข้มงวด ก่อนนำไปใช้งาน เช่น การประเมินความปลอดภัยและความโปร่งใส
-
AI ความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk AI) ✅
- AI ทั่วไป เช่น Chatbots, AI ที่แนะนำสินค้า ต้องโปร่งใสและแจ้งผู้ใช้ว่าเป็น AI แต่ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบเข้มงวด
💰 บทลงโทษของ EU AI Act
- ถ้าบริษัทใดไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้ทั่วโลก
- มีหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศสมาชิกของ EU
💡 ข้อสังเกต
- เป็น กฎหมายที่มีผลบังคับใช้จริง และมีบทลงโทษหนัก
- มีความเข้มงวดกว่าแนวทางของไทยมาก โดยเฉพาะในเรื่องของ ความปลอดภัยของ AI และสิทธิส่วนบุคคล
- ใช้แนวทาง “Hard Law” ซึ่งแตกต่างจากของไทยที่เป็น “Soft Law”
-
AI ที่ถูกห้ามใช้ (Prohibited AI) 🚫
-
สรุป 📌
- 🇹🇭 กฎ AI ของไทย → เป็น “แนวทางจริยธรรม” ไม่มีบทลงโทษ แต่ช่วยให้ AI ในไทยถูกพัฒนาอย่างมีความรับผิดชอบ
- 🇹🇭 กฎ AI ของ NSTDA → เน้น “มาตรฐานทางเทคนิค” มากขึ้น ให้ AI มีคุณภาพและแม่นยำขึ้น
- 🇪🇺 กฎ AI ของ EU → “กฎหมายบังคับ” หากไม่ทำตาม อาจถูกลงโทษรุนแรง
🔎 ถ้าคุณเป็นนักพัฒนา AI หรือเจ้าของธุรกิจ คุณต้องดูว่าธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับกฎข้อไหน และเตรียมปรับตัวให้ทัน! 🚀
🎉 ถ้าคุณอยากเป็นนักกฎหมายที่ไม่ใช่แค่รู้กฎหมาย แต่เข้าใจโลกธุรกิจและเทคโนโลยี พร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ นิติศาสตร์ ม.หอการค้าไทย คือคำตอบของคุณ!
📍 เจอกันปี 2568! อย่าพลาดโอกาสเป็นนักกฎหมายยุคใหม่ที่โลกต้องการ!
#นิติศาสตร์ยุคใหม่ #UTCCLaw #นักกฎหมายอนาคต ถ้าอยากเรียนต่อนิติศาสตร์ สามารถเรียนต่อ ป.ตรี ได้ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
สำหรับผู้จบการศึกษา ม.6 กศน. ปวช. ปวส. หรือเทียบโอน ใช้กองทุน กยศ. หรือผ่อนชำระค่าเทอมได้
📌ข้อดี
- 🖌️ จบแล้วได้ skill Certificate เฉพาะทาง
- 🖌️ เรียนจบภายใน 3 ปีครึ่ง
- 🖌️ มีสหกิจศึกษา พร้อมฝึกปฏิบัติงาน ก่อนทำงานจริง
- 🖌️ เรียนต่อเนติบัณฑิตยสภาได้
- 🖌️ สอบตั๋วทนายความได้
- 🖌️ เรียนวิชาเฉพาะด้านที่ทันสมัยกับตัวจริง Guru
- 🖌️ ได้รับการรับรองจาก ก.พ. และ อ.ว.
📌สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ศูนย์รับสมัครนักศึกษาใหม่ ระดับบัณฑิตศึกษา
- โทร: 0953675508/02-697-6000
- 📥 สอบถามเพิ่มเติม หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
- 📌 ID Line : 0953675508
- 📌 IG : law_utcc
- 📌Facebook: UtccLawSchool
มาเป็นครอบครัวหอการค้าด้วยกัน
📌สมัครเรียนง่ายได้ 3 ช่องทาง
- สมัครเรียนออนไลน์ Line : @utcccare (อย่าลืม @) https://lin.ee/x53Mxlf
- หรือ https://admissions.utcc.ac.th/ *สมัครแล้วอย่าลืมทักไลน์นะ
- สมัครด้วยตนเองที่ ศูนย์รับสมัครนักศึกษาใหม่ ม.หอการค้าไทย อาคาร 24 (อาคารสัญลักษณ์) ชั้น 2
ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. 📌พิกัดการเดินทาง: https://goo.gl/maps/JEY6UvPL8Qh8NyyM9
สอบถามเพิ่มเติม ศูนย์รับสมัครนักศึกษาใหม่ ม.หอการค้าไทย โทร 02-697-6969
#เรียนนิติ #นักกฎหมายAI #นิติหอการค้า #เรียนกฎหมาย #เป็นอัยการ #เป็นผู้พิพากษา #เป็นที่ปรึกษากฎหมาย #เป็นทนายความ #Law #LawUTCC #ปริญญาตรี
